กินอย่างไรจึงจะสุขภาพดี


คนมีสุขภาพดีตามหลักอภิธรรม
          ความบกพร่องทางรูปกาย มีสาเหตุ 4 ประการคือ
1.                       เกิดจากกรรม บางคนแก้กรรมก็หายป่วยได้
2.                       เกิดจากจิต เป็นวิธีคิดของคนบางคนทำให้
ตัวเองป่วยได้ เช่นความโกรธ คนที่โกรธบ่อยๆ จะทำให้ตับเสื่อมและเป็นสาเหตุของมะเร็งด้วย ทำไมจึงโกรธ เพราะสารอาดรีนาลีนเยอะ ทำไมจึงมีสารนี้มาก เพราะกินเนื้อสัตว์ สัตว์รู้ตัวว่าจะถูกเขาฆ่า ร่างกายของมันจะหลั่งสารอาดรีนาลีน ออกมาเพื่อกล่อมประสาท ซึ่งสารพิษนี้ยังคงตกค้างอยู่ในเนื้อสัตว์ที่เขาชำแหละแม้จะนำไปต้มหรือทอด สารนี้ก็ยังตกค้างอยู่ ถ้าสารตัวนี้สะสมมากในร่างกายของคนเรา จะทำให้ฝันเหมือนวิ่งหนีเพราะถูกไล่ฆ่า
        วิธีคิดของคนสามารถทำให้ป่วยได้ หรือการแสดงอาการต่างๆ โกรธ น้อยใจ ไม่ได้ดั่งใจ งอน จะป่วยด้วยโรคทรวงอก ให้สังเกตคนที่ป่วยเป็นมะเร็งทรวงอก มักจะเป็นคนขี้น้อยใจ ขี้กังวล
         3.   เกิดจากเหตุ   อุตุ ในพระไตรปิฎกแปลว่า พลังงาน  พลังงาน การไหลเวียนในร่างกายไม่ดีอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เกี่ยวกับการเกิดอุตุแบ่งเป็น 2 แบบ
     -  อัฌฌัตอุตุ (พลังงานที่ไหลเวียนในร่างกาย)
        -  พหิทธอุตุ  พลังงานที่มาจากภายนอก แล้วซึมซับเข้ามาในร่างกายเราได้ พลังงานที่ไหลเวียนในร่างกายอยู่ที่ไหน ในร่างกายมีเซลล์ประสาทเชื่อมโยงจากสมอง ในสมองคนที่อนุภาคแม่เหล็ก 7000 ชิ้น  จากสมองมีสายคล้ายสายไฟโยงใยไปทั่วร่างกาย  เรียกว่าเซลล์ประสาท ข้างในเซลล์มีโพรงตรงกลาง มีประจุไฟฟ้าบวก รอบนอกมีประจุไฟฟ้าลบ ประจุไฟฟ้าลบมีหน้าที่ไล่จับอนุมูลอิสระ ต่อต้านเชื้อโรค ถ้ามีประจุไฟฟ้าเยอะก็ไม่ค่อยป่วย ชื่อเรียกประจุไฟฟ้าลบ มีความแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม เช่นในญี่ปุ่นเรียกว่า ชิ  จีนเรียกว่าซี  ซีกง ในอินเดียเรียกว่าปราณ นที  หรือ กุณฑลินี  ฝรั่งเรียกว่า Vitality force or Universal force ถ้าเราวัดค่าสนามแม่เหล็กในคนปกติ พลังงานเฉลี่ยปรกติ 0.7 เกาท์ ในคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีน้อยกว่า และจะเจ็บป่วยบ่อยเพราะค่าอุตุหรือพลังงานปั่นป่วน คนกินมังสวิรัติมักจะสูงกว่า 0.7 ยกเว้นบางกลุ่ม
        -  สี กลิ่น เสียง รส  การเคลื่อนไหวออกกำลังกาย เป็นการกระตุ้นอุตุ
                4.   เกิดจากการอาหาร ในศาสนาพุทธแบ่งอาหารเป็น 4 กลุ่ม
        ก.   กวฬิงกลาหาร ได้จากการกินพวกพืชผักสมุนไพร เน้นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
        ข.   ผัสสาหาร  จากการสัมผัส เสียดสี  ของสวยงามต่างๆ  เช่น อัญมณี  หินสีสวยงาม
        ค.   มโนสัญเจตนาหาร  จากการใช้สมาธิ
        ง.   วิญญาณาหาร  อาหารที่ได้จากจิตวิญญาณ จากความรัก  ความผูกพัน  จากความสัมพันธ์ระหว่างครูอาจารย์กับศิษย์ หรือคนที่มีเป้าหมาย มีความคิดเหมือนกัน  จะสามารถประคองชีวิตให้อยู่ได้
        เวลาตกฟากของคนไม่เหมือนกัน จะเป็นตัวแสดงธาตุเจ้าเรือน หมอสมัยโบราณจึงต้องใช้วิธีคำณวนวันเดือนปีเกิดของเด็ก เพื่อจะได้รู้ว่าระบบไหนภายในร่างกายอ่อนแอ เมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ ธาตุเจ้าเรือนจะเปลี่ยนไปตามวิธีคิดและสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถกินอาหารตามธาตุเหมือนตอนเป็นเด็กได้ต้องกินตามธาตุปัจจุบัน
        อวัยวะภายในร่างกายมี   12  ระบบ แต่ละระบบจะทำงานหนักเวลา 2 ชั่วโมง ในแต่ละวัน
        ช่วงตีสามถึงตีห้า ปอดจะทำงานหนัก คนที่มี ปัญหาเรื่องปอดจะไม่ตื่นเวลานี้ คนตื่นตีสาม ตีห้า แปลว่าปอดแข็งแรง มีโอกาสเป็นผู้นำคนเพราะลมมาจากปอด พูดมีพลังอำนาจ คนตื่นสาย ปอดจะไม่แข็งแรง
การรักษาโรคปอดหรือหอบหืด
        ใช้ขิงเท่าหัวแม่มือของผู้ป่วย หอมแดงเท่าขิง กระเทียมเท่าขิง ปั่นหรือตำ เติมน้ำ 1 แก้ว กรองเอาแต่น้ำ ใส่น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ บีบมะนาว 3-4 ลูก ไม่เกิน 1 เดือน หอบหืดจะหาย เว้นเสียแต่จะเป็นมานานหลายสิบปี อย่างนี้ต้องใช้เวลา 60 วัน
        ช่วงตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีหน้าที่ขับถ่ายอุจจาระออกไป แต่คนเรามักจะไม่ตื่นในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่ลำไส้ต้องบีบอุจจาระลง เมื่อไม่ตื่นจึงต้องบีบขึ้น เมื่อไม่ถ่ายตอนเช้า ลำไส้ใหญ่จึงรวนดูอย่างไรว่าลำไส้รวน จะมีอาหารปวดหัวไหล่ กล้ามเนื้อเพดานจะหย่อนแล้วทำให้นอนกรนในที่สุด ในรายที่ลำไส้ใหญ่ผิดปรกติ ควรตื่นนอนก่อนตีห้า แล้วไปขับถ่าย ถ้าไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายอีก ให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว และกดจุดข้างจมูกช่วย คนที่ขับถ่ายยากต้องกินอาหารเช้า บางคนไม่กินอาหารเช้า ดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียวก็อิ่ม ร่างกายจะดูดกากอาหารตกค้งซึ่งกำลังจะเป็นอุจจาระกลับเข้ากระเพาะใหม่ เท่ากับ กินกาแฟแกล้มอุจจาระ
     ช่วงเจ็ดโมงถึงเก้าโมงเช้า กระเพาะอาหารจะทำงานเต็มที่ช่วงนี้ ถ้าเราไม่ทานอาหารเช้า อุจจาระจะถูกดูดกลับมาที่กระเพาะ กลิ่นตัวจะเหม็น ถ้าเราขับถ่ายออกหมดเกลี้ยงเกลา จะไม่มีกลิ่นตัวเท่าไหร่ อย่างน้อยขอให้มี โยเกิร์ต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว ก็จะได้สารอาหารพอเพียงในมื้อเช้าแล้วสูตรนี้ได้มาจากพระไตรปิฎก บำรุงกระเพาะ สมองดี
        วิธีการดูแลแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากมีกรดมาก ใช้ขมิ้นชันเท่านิ้วก้อย  3 แง่ง ต้องขูดเปลือกออกก่อนเพราะในเปลือกมีสารสเตียรอยด็สติกนิน (สารนี้สะสมมากอาจเป็นอันตรายได้) นำมาหั่นเป็นแว่นๆ ใส่ถ้วย เติมน้ำร้อน ลง
ไป 3 ช้อนชา แต่ตักดื่มเพียง 2 ช้อน ที่เหลือทิ้งไป เป็นการรักษาแผลตามหลอดอาหารได้ดีมาก
     ผู้เป็นแผลที่หลอดอาหารมักไม่ค่อยรู้ตัว จะมีเสมหะบ่อย กินอาหารแล้วร้อนที่คอ ส่วนใหญ่เมื่อกินยาเข้าไปรักษา ยาจะเลยหลอดอาหารไปลงกระเพาะหมด ลองใช้สูตรนี้คือ กล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้าดิบประมาณ 2ผล ใช้ทั้งเปลือกตัดจุกต้นก้าน หั่นเป็นแว่นๆ นำ ไปต้มในหม้อ ใส่น้ำพอท่วม เติมน้ำตาลกรวดกินเป็นประจำ ส่วนกล้วยหอมสุกกินทุกวันตอนเย็นสองลูก จะทำให้หัวริดสีดวงฝ่อ หรือต้มกล้วยหอมสุกทั้งเนื้อและเปลือก ใส่น้ำตาลกรวด กินทั้งเนื้อและเปลือกก็จะดีมาก
     ช่วงเก้าโมงเช้าถึงสิบเอ็ดโมง ม้ามจะทำงานหนัก ให้พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
        ช่วงสิบเอ็ดโมงถึงบ่าย เป็นช่วงของระบบหัวใจ หมายถึงกล้ามเนื้อหัวใจ คนที่มีปัญหาเรื่องนี้ ดูที่อาการปวดไหล่ ไม่ได้แสดงอาการที่หน้าอกอย่างที่เข้าใจกัน กล้วย ส้ม มะเขือ เตย รากบัว บำรุงหัวใจ (เม็ดบัวบำรุงตับไต)
       ช่วงบ่ายถึงสามโมงเย็น ช่วงลำไส้เล็ก ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากในยุคสมัยนี้ เพราะว่าเป็นเหตุของไข้หวัดนก หนู และเป็นตัวฆ่านักมังสวิรัติ ลำไส้เล็กขดไปขดมาในร่างกายผู้ชาย 30 ฟุต ผู้หญิงจะมากกว่าผู้ชายอีก 10 ฟุต การที่ไส้ขดไปขดมา เมื่อกินอาหารเข้าไป ส่วนที่ย่อยไม่หมดจะไปเน่าเสียตกค้างอยู่ตรงส่วนที่หักมุมของลำไส้ เศษผักไม่เท่าไหร่ ที่เป็นปัญหาคือทุกวันนี้น้ำมันผัดผักเพราะเร็วดี ถ้าเป็นน้ำมันธรรมชาติล้วนๆ เช่นน้ำมันมะกอกจะไม่เป็นปัญหาต่อลำไส้เล็ก แต่ น้ำมันที่ซื้อขายทั่วไป มักมีส่วนผสมของ น้ำมันปาล์ม  แม้จะบอกว่าเป็นน้ำมันถั่วเหลือง หรือเมล็ดทานตะวันก็ตาม ลองเปรียบเทียบการทำความสะอาดครัวสมัยนี้ ต้องใช้น้ำยาเคมีเพื่อล้างคราบน้ำมันเหนียวเหนอะออกไป
     น้ำมันปาล์มเมื่อโดนความร้อนจะทำให้เหนียวหนืด เวลาโฆษณามักจะบอกว่าไม่เป็นไข เมื่อนำไปแช่ตู้เย็น แต่ในร่างกายคนเรามีอุณหภูมิ 37 องศาซี เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปเกาะที่ลำไส้ เวลาดื่มน้ำ น้ำก็ไม่สามารถทะลุผ่าน ทำให้ต้องฉี่บ่อยๆ บางคนดื่มน้ำไปไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องลุกไปฉี่ เพราะไตทำงานหนัก เมื่อเป็นอย่างนี้ทุกวันจะทำให้กระดูกเสื่อม เพราะไตเป็นตัวควบคุมกระดูกและสมอง และเลือดไปเลี้ยงสมองก็น้อย เกิดปัญหาสมองเสื่อมตามมาอีก น้ำไม่เข้าร่างกาย แต่สิ่งผ่านเข้าไปได้คือวิตามิน เอ อี ดี แต่ วิตามินซี โปรตีน กรด อะมิโน  ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้จึงโละไปให้ไต ไตต้องทำงานหนักเพราะต้องขับโปรตีนออกมา เพราะฉะนั้น ตนที่เป็นโรคไตเวลาตรวจปัสสาวะจะพบโปรตีน เพราะโปรตีนไม่สามารถซึมเข้าร่างกายได้ ต้องมีสี่ตัวหาม สามตัวแห่ คือ วิตามินซี บี1 บี3 บี6 และบี 11 เอาไปเป็นชุดของมัน จะขาดตัวหนึ่งตัวใดไม่ได้ ต้องมาพร้อมๆกัน ที่ไตทำงานหนักก็เพราะเหตุนี้
        เมื่อเป็นปัญหาที่ไต น้ำไม่อาจผ่านเข้าไปได้ สิ่งที่ตามมาคือน้ำดีข้น ถุงน้ำดีจะเก็บน้ำดีจากตับแล้วมาย่อยไขมัน ถุงน้ำดีจะแห้งไปทุกที เพราะน้ำไม่เข้าตัว เราจะตื่นนอนหรือนอนไม่หลับในช่วงห้าทุ่มถึงตีสาม ไปหลับในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นเวลาที่ควรตื่นนอนแล้ว เพราะว่าช่วงนี้มันง่วงก็ไปหลับเช้ามืดอีกที เพราะฉะนั้นช่วงนี้ถุงน้ำจะข้น ซึ่งเป็นต้นเหตุของไมเกรน แพทย์แผนปัจจุบันต้องรอให้ปวดหัวเสียก่อน แต่แพทย์แผนโบราณจะตัดสินว่าเป็นไมเกรนได้ ตั้งแต่เริ่มอาการคอแห้ง ร้อนใน ปวดตามซี่โครง ปวดด้านข้าง เสียวฟัน ปลายประสาทฟันดูเหมือนจะอักเสบตลอดเวลา ไปหาหมอ หมอจะถอนให้ พอปวดกระบอกตา ปวดหู หมอจะบอกว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่ต้นเหตุจริงๆ มาจากถุงน้ำดีข้น ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุตามๆ กันมาทำให้ปวดหัวข้างเดียวหรือสองข้าง เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้าไม่พอ จะมีปัญหาสายตาตามมา ตาจะเป็นต้อง่าย จมูกจะเป็นไซนัสง่าย  เป็นภูมิแพ้ง่าย นี้คือผลพวงมาจากลำไส้เล็กไม่สะอาดทั้งสิ้น

ที่มาจาก http://www.hinlotom.com/wizContent.asp?wizConID=76&txtmMenu_ID=56